รีวิว Keychron B1 Pro, B6 Pro คีย์บอร์ด Low profile ไซซ์บางเฉียบ ตอบโจทย์สายทำงาน

Keychron B1 Pro และ Keychron B6 Pro คีย์บอร์ดไร้สาย Low profile ไซซ์บางเฉียบพอ ๆ กับมือถือแถมยังน้ำหนักเบา ตอบโจทย์สายทำงานพกพาไปใช้งานได้ทุกที่ จะใช้กับ Windows, MacOS, iPad หรือ Android ก็ได้หมด มาพร้อมแบตอึด ๆ ชาร์จหนึ่งครั้งใช้ได้ถึง 1,200 ชั่วโมง ที่สำคัญคือดีไซน์พรีเมียมเรียบหรูวางคู่กับอุปกรณ์ไหนก็สวย

ฟีเจอร์เด่น

ไซซ์ตอบโจทย์สายทำงาน

Keychron B1 Pro มาในไซซ์ 75% ขนาดจิ๋วพกพาง่ายใส่กระเป๋าได้ น้ำหนักเบาแค่ 420 กรัม เอาไปใช้นอกสถานที่สบาย ส่วน Keychron B6 Pro มาในไซซ์ 100% มี Numpad พร้อมใช้ ใครเป็นสายทำงานที่ต้องใช้งานตัวเลขบ่อย ๆ ตัวนี้ตอบโจทย์

ปลอดฝุ่นและสิ่งสกปรก

แม้คีย์บอร์ดทั้ง 2 รุ่นจะแทบไม่เหลือช่องให้ฝุ่นเข้า แต่ทางแบรนด์ก็ยังมีแถมแผ่นซิลิโคนออกแบบพิเศษให้เข้ากับคีย์บอร์ดแบบพอดิบพอดี กันฝุ่นกันน้ำกระเซ็นเข้าช่วยให้คีย์บอร์ดสวยกริบตลอดเวลา

เชื่อมต่อไร้สาย Tri-mode

Keychron B1 Pro และ Keychron B6 Pro รองรับการเชื่อมต่อแบบ Tri-mode ไม่ว่าจะผ่านการเสียบสาย Type-C, Wireless 2.4 Ghz และ Bluetooth 5.2 สูงสุด 3 อุปกรณ์ มีสวิตช์สลับโหมดง่าย ๆ จะใช้กับ MacOS, Windows, มือถือ หรือแท็ปเล็ตก็ราบรื่น

Quickly Access Emojis

ใช้งาน Emoji ง่ายแค่มือขวากด Fn+Shift ไม่ต้องใช้สองมือหรือจำคีย์ลัดยาก ๆ ให้วุ่นวาย สายคอนเทนต์หรือคนชอบแชทใช้งานง่ายและไวขึ้น

การดีไซน์และสเปค

Keychron B1 Pro และ Keychron B6 Pro ออกแบบมาในดีไซน์เดียวกัน หลัก ๆ จะต่างกันที่ขนาด โดยรุ่น B1 Pro จะเป็นไซซ์ 75% มี 77 ปุ่ม ส่วน B6 Pro เป็นแบบฟูลไซซ์ 109 ปุ่ม มาในสไตล์บางเฉียบแบบ Low profile เคสเป็นพลาสติก ABS ผิวด้านมี 3 สีให้เลือกคือ Space Gray (เทา), Ivory White (ขาว) และ Blossom Pink (ชมพู) มองผ่าน ๆ สวยหรูดูคล้ายเคสอะลูมิเนียม โดยเฉพาะสี Space Gray ที่ถ้าใช้กับพวก iPad หรือ Mac สีเดียวกันจะคุมโทนเข้าคู่กันมาก ๆ คีย์แคปออกแบบมมาพิเศษมีความเว้าตรงกลางที่นอกจากจะเข้ามือแล้วยังช่วยเพิ่มความแม่นยำในการพิมพ์อีกด้วย โดยสีคีย์แคปจะเป็นสีเดียวกับเคสส่วนฟอนต์มีทั้งภาษาอังกฤษและไทย รองรับเลย์เอาท์ปุ่มครบทั้ง MacOS และ Windows

หากพลิกดูใต้เคสจะมีฟีทกันลื่น 6 อัน และแม้จะไม่มีขาปรับระดับความสูงมาให้ แต่ก็มีการออกแบบให้ด้านบนยกสูงลาดเอียงเข้าหาสายตา 3.2 องศา นอกจากจะมองตัวอักษรง่ายยังถูกหลักสรีรศาสตร์มากขึ้น ขอบบนมี Toggle switch สำหรับปรับโหมดการเชื่อมต่อมาให้ มีสวิตช์สลับเลย์เอาท์ Mac/Win และพอร์ต Type-C สำหรับชาร์จและเสียบใช้งาน โดยทั้ง 2 รุ่นรองรับการเชื่อมต่อครบแบบ Tri-mode ได้ทั้งเสียบสาย Type-C, Wireless 2.4 Ghz และ Bluetooth 5.2 ได้สูงสุด 3 อุปกรณ์ แค่เลื่อนสลับโหมดก็เชื่อมต่อได้ง่าย ๆ ส่วน Bluetooth สามารถกด Fn + 1, 2 หรือ 3 ค้างเพื่อเปิดโหมด Pairing ได้เลย ทั้งนี้ ในโหมดเสียบสายและ Wireless จะรองรับ Polling rate อยู่ที่ 1000 Hz ขณะที่ Bluetooth จะอยู่ที่ 90 Hz เพียงพอต่อการทำงาน

มุมขวาบนมีไฟ Indicator บอกสถานะคีย์บอร์ดไล่จากซ้ายไปขวาได้แก่ Num Lock (มีเฉพาะรุ่น B6 Pro), Caps Lock, โหมดการเชื่อมต่อไร้สาย (Wireless สีเขียว, Bluetooth สีน้ำเงิน) และปิดท้ายด้วยไฟสถานะการชาร์จแบตเตอรี่ สวิตช์เป็นแบบ Scissor Switch ที่มักพบในโน้ตบุ๊กและคีย์บอร์ด Low profile ส่วนใหญ่ ให้ฟิลลิ่งนิ่ม ไม่โยกเยกและกดง่ายกว่าสวิตช์ปุ่มยาง ขณะที่เสียงก็เงียบไม่แพ้กัน

โปรแกรมปรับแต่ง

อีกจุดเด่นของคีย์บอร์ด 2 รุ่นนี้คือรองรับการปรับแต่งค่าผ่าน Web app ใช้งานผ่านบราวเซอร์ไม่ต้องลงโปรแกรม เพียงแค่เข้าเว็บไซต์ launcher.keychron.com ก็ตั้งค่าได้ตั้งแต่ Keymapping, Macro, อัปเดตเฟิร์มแวร์, Key test ฯลฯ ทั้งนี้ จะรองรับการตั้งค่าเมื่อใช้โหมดเสียบสายเท่านั้น

ข้อสังเกต

ไม่มีไฟ Backlite
ไม่รองรับ Hot swap
ไม่มีขาปรับระดับความสูง
ไม่มีช่องเก็บ Receiver ในตัวเคส

ของในกล่อง

คู่มือการใช้งานภาษาไทย
แผ่น Silicone กันฝุ่น
คีย์บอร์ด
สาย Type-C to Type-C
Adapter Type-C to Type-A
USB Receiver

Keychron B1 Pro และ B6 Pro เหมาะกับใคร

Keychron B1 Pro และ Keychron B6 Pro เหมาะกับสายทำงาน เน้นพกพาสะดวกเสียงเงียบไม่รบกวนเพื่อนร่วมงาน โดยเฉพาะกับคนใช้ Mac เพราะ Keychron ขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์ที่ออกแบบมาโดยคำนึงถึง MacOS เสมอ สังเกตได้จากที่มีปุ่มมัลติมีเดียและฟังก์ชันต่าง ๆ ของ Mac ครบควบคู่กับปุ่มของ Windows ที่สำคัญคือดีไซน์สวยหรูดูแพงมากเอาไปวางใช้งานที่ไหนก็เด่นสะดุดตาจนคนถามแน่นอน