Table of Contents
5 อันดับคีย์บอร์ดหลักร้อย
คีย์บอร์ดเปรียบดั่งอวัยวะที่ขาดไม่ได้ของคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าเราจะใช้พิมพ์งาน เล่นเกม หรือสัพเพเหระใด ๆ ก็ตาม แต่บางครั้งสิ่งที่ขาดอาจเป็นเงิน บทความนี้ผู้เขียนจึงขออนุญาตแนะนำ 5 อันดับคีย์บอร์ดหลักร้อย ดีไซน์งาม ๆ ตามสไตล์ชาวเกมต้องไฮป์ แถมยังสบายกระเป๋า!
อันดับที่ 5 Machenike K500 B61
Machenike K500 B61 คือคีย์บอร์ดเล็กกะทัดรัดขนาด 60% ที่มาพร้อม 61 ปุ่ม และคีย์แคปภาษาไทย มีสวิตช์จากโรงงานให้เลือก 3 แบบคือ Blue, Brown และ Red switch ใครชอบสัมผัสการกดแบบไหนก็เลือกใช้สอยกันตามสะดวก ทั้งนี้โทนสีคีย์แคปจะเปลี่ยนไปตามสวิตช์ที่ใช้ หากเลือก Red Switch คีย์แคปจะเน้นโทนขาวตัดด้วยน้ำเงินเข้ม แต่หากใช้ Blue และ Brown switch คีย์แคปจะเน้นสีน้ำเงินเป็นหลักตัดด้วยสีขาว โดยที่ทั้ง 2 รูปแบบจะมาพร้อมปุ่ม esc และ Space bar สีส้ม คีย์บอร์ดรองรับ Hot-swap โดนใจสายคัสตอม และมีไฟ RGB สาแก่ใจเกมเมอร์สายแมลงเม่าแน่นอน
ข้อดี
- รองรับ Hot-swap
- มีไฟ RGB 16.8 ล้านสี ปรับได้ 20 โหมด
- คีย์แคปรองรับภาษาไทย
- คีย์แคปไฟลอดได้
- 100% Anti-ghosting & N-Key Rollover
- มีโปรแกรมรองรับการปรับแต่ง
ข้อสังเกต
- ใช้งานแบบเสียบสายได้เท่านั้น
สเปค
- Size: Mechanical Keyboard ขนาด 75%
- Connection: USB Type-C แบบถอดได้
- จำนวนปุ่ม: 61 ปุ่ม
- Keycaps: PBT+ABS
- Switch: Blue, Brown และ Red switch
- รองรับ Hot-swap 3 Pin
- Lighting: RGB ปรับได้ 20 โหมด
- Anti-ghosting: N-Key Rollover
- OS: Windows / Android
ราคา 799 บาท (รับประกัน 1 ปี)
อันดับที่ 4 Meta68
Meta68 คือ Mechanical Keyboard แบรนด์จีนขนาด 65% มาพร้อม 68 ปุ่ม ชูจุดเด่นด้านดีไซน์ที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย (มาก) ในราคาประหยัด เป็นคีย์บอร์ดหลักร้อยอีกตัวที่ได้รับความนิยม มีสวิตช์ให้เลือกสามแบบคือ Blue, Brown และ Red switch รองรับไฟ RGB แบบแสงทะลุคีย์แคป รวมทั้งยังมีไฟด้านข้างคีย์บอร์ดใส่มาให้เพิ่มความวิบวับอีกด้วย รองรับ Hot-swap แถมยังมี Knob แถมมาให้ใช้หมุนปรับเสียงได้ และยังมีของแถมเป็นที่ดึงคีย์แคปและสวิตช์ รวมถึงให้สวิตช์สำรองมา 2 ถึงสองอันอีกด้วย คุ้มค่าสุด ๆ
ข้อดี
- มีดีไซน์ให้เลือกมากถึง 16 แบบ
- รองรับ Hot-swap
- มีไฟ RGB ทั้ง Backlit และด้านข้าง
- คีย์แคปไฟลอดได้
- มี Knob สำหรับปรับเสียง
- มีของแถมเยอะ
- ราคาถูก
ข้อสังเกต
- ปรับสีโหมดไฟเองไม่ได้
- ใช้งานแบบเสียบสายได้เท่านั้น
- คีย์แคปไม่รองรับภาษาไทย
- ต้องสั่งของจากประเทศจีน รอสินค้านาน
- งานประกอบตามราคา อาจจะไม่ดีมาก
สเปค
- Size: Mechanical Keyboard ขนาด 65%
- Connection: USB Type-C to Type-A แบบถอดได้
- จำนวนปุ่ม: 68 ปุ่ม
- Keycaps: ABS
- Switch: Blue, Brown และ Red switch
- รองรับ Hot-swap 3 Pin
- Lighting: ไฟ RGB ทั้ง Backlit และด้านข้าง
- Anti-ghosting: 26 ปุ่ม (ปุ่มที่ใช้เล่นเกมเป็นหลัก)
- รองรับ Knob (หมุนเพื่อปรับระดับเสียง กดเพื่อปิดเสียง)
- OS: Windows / Mac / iOS / Android
- Dimension: 32×10.7×3.5 เซนติเมตร
- Weight: 670 กรัม
ราคา 504 บาท (รับประกัน 6 เดือน)
อันดับที่ 3 Dareu EK868 Wireless
Dareu EK868 Wireless เป็น Mechanical Keyboard ไร้สายหน้าตาเรียบหรูดูมินิมอลในขนาด 65% มี 68 ปุ่มกด พร้อมดีไซน์แบบ Low Profile มีสวิตช์ให้เลือกสามแบบคือ Blue, Brown และ Red switch คีย์แคปรองรับภาษาไทย ไม่มีไฟ RGB แต่ใส่ Backlit แสงสีฟ้าขาว (Ice Blue) มาให้แทน และไม่รองรับ Hot-swap
ข้อดี
- รองรับการใช้งานไร้สาย
- จับคู่การใช้งานได้สูงสุด 3 อุปกรณ์
- คีย์แคปรองรับภาษาไทย
ข้อสังเกต
- ไม่มีไฟ RGB แต่ให้ไฟแสงสีฟ้าขาวมาแทน
- ไม่รองรับ Hot-swap
สเปค
- Size: Mechanical Keyboard ขนาด 65%
- Connection: USB Type-C และ Bluetooth 5.1
- จำนวนปุ่ม: 68 ปุ่ม
- Keycaps: ABS
- วัสดุคีย์บอร์ด: ABS
- Switch: Blue, Brown และ Red switch
- ไม่รองรับ Hot-swap
- Lighting: Ice Blue Backlit
- Anti-ghosting: N-key rollover
- OS: Windows / Mac
- Battery: 2000mAh
- Dimension: 31×11.1×3.27 เซนติเมตร
- Weight: 435 กรัม (ไม่รวมสายเชื่อมต่อ)
ราคา 639 บาท (รับประกัน 1 ปี)
อันดับที่ 2 Zifriend ZA68
Zifriend ZA68 เป็น Mechanical Keyboard ที่โฆษณาว่ามีขนาด 60% แต่ดูจากปุ่มที่มีต้องเรียกว่า 65% น่าจะถูกต้องกว่า มาพร้อมปุ่มกด 68 ปุ่ม + 1 Knob ให้สวิตช์ติดคีย์บอร์ดมาแบบ Red switch รองรับ Hot-swap สามารถถอดเปลี่ยนได้ ไฟ RGB 16.8 ล้านสี ปรับได้ 20 โหมด คีย์แคปไฟลอดได้ (เฉพาะที่มีตัวอักษรสีขาวเท่านั้น) อีกทั้งยังมีไฟสว่างสดใสข้างเคสคีย์บอร์ดอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีของแถมเป็นสวิตช์สำรอง 2 อันกับที่ดึงสวิตช์อีก 1 อัน
ข้อดี
- รองรับ Hot-swap
- มีไฟ RGB ทั้ง Backlit และด้านข้าง
- มี Knob สำหรับปรับเสียงและไฟ RGB
ข้อสังเกต
- ใช้งานแบบเสียบสายได้เท่านั้น (รุ่นไร้สายจะราคาแพงกว่า)
- คีย์แคปไม่รองรับภาษาไทย
- ต้องสั่งของจากประเทศจีน รอสินค้านาน
สเปค
- Size: Mechanical Keyboard ขนาด 65%
- Connection: USB Type-C แบบถอดได้
- จำนวนปุ่ม: 68 ปุ่ม
- มี Knob สำหรับปรับเสียง+ปรับไฟ RGB
- Switch:Red switch
- รองรับ Hot-swap 5 Pin
- Lighting: ไฟ RGB ทั้ง Backlit และด้านข้าง
- Anti-ghosting: N-key rollover
- OS: Windows / Mac / iOS / Android
- Dimension: 32.7×11.4×4.3 เซนติเมตร
ราคา 799 บาท (รับประกัน 6 เดือน)
อันดับที่ 1 Ajazz AK871
Ajazz AK871 เป็นคีย์บอร์ดหลักร้อยไร้สายขนาด 80% มี 87 ปุ่ม มีสวิตช์ให้เลือก 2 แบบคือ Blue และ Red switch รองรับการ Hot-swap ไม่มีไฟ RGB ใช้พลังงานผ่านถ่าน AAA สองก้อน เป็นคีย์บอร์ดไร้สายแบบไร้สายที่แท้ทรูเพราะไม่สามารถชาร์จและใช้งานผ่านสาย USB ได้เลย แต่แค่ถ่านก็อยู่ได้นานสองเดือนเชียวนะ นอกจากนี้ในกล่องยังมีของแถมแบบจุก ๆ เป็นที่ดึงคีย์แคปและสวิตช์ กับสวิตช์สำรองพร้อมคีย์แคปเอามาให้สลับสีสวย ๆ ตามใจอยากได้อีกด้วย
ข้อดี
- คีย์แคปรองรับภาษาไทย
- จับคู่การใช้งานได้สูงสุด 2 อุปกรณ์
- รองรับการใช้งานไร้สาย
- ถอด Top case ด้านบนออกได้
- ของแถมเยอะ
ข้อสังเกต
- ไม่มีไฟ RGB
- ไม่รองรับการชาร์จและใช้งานผ่านสาย
สเปค
- Size: Mechanical Keyboard ขนาด 80%
- Connection: Wireless 2.4GHz / Bluetooth 5.0
- จำนวนปุ่ม: 87 ปุ่ม
- Keycaps: ABS
- วัสดุคีย์บอร์ด: ABS
- Switch: Blue และ Red switch
- รองรับ Hot-swap 3 Pin
- Lighting: ไม่มี
- Anti-ghosting: 19 ปุ่ม
- OS: Windows / Mac
- Battery: ถ่าน AAA สองก้อน (ใช้งานได้ 2 เดือน)
- Dimension: 36.2×15.3×4.1 เซนติเมตร
- Weight: 970 กรัม
ราคา 749 บาท (รับประกัน 6 เดือน)
ขอบคุณข้อมูลและภาพสวย ๆ จาก: machenike.com, dareu.com, zifriend.net