5 อันดับคีย์บอร์ดหลักร้อย รองรับ Hot-swap อัปเดต 2023!

5 อันดับคีย์บอร์ดหลักร้อย

คีย์บอร์ดเปรียบดั่งอวัยวะที่ขาดไม่ได้ของคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าเราจะใช้พิมพ์งาน เล่นเกม หรือสัพเพเหระใด ๆ ก็ตาม แต่บางครั้งสิ่งที่ขาดอาจเป็นเงิน บทความนี้ผู้เขียนจึงขออนุญาตแนะนำ 5 อันดับคีย์บอร์ดหลักร้อย ดีไซน์งาม ๆ ตามสไตล์ชาวเกมต้องไฮป์ แถมยังสบายกระเป๋า!

อันดับที่ 5 Machenike K500 B61

Machenike K500 B61 คือคีย์บอร์ดเล็กกะทัดรัดขนาด 60% ที่มาพร้อม 61 ปุ่ม และคีย์แคปภาษาไทย มีสวิตช์จากโรงงานให้เลือก 3 แบบคือ Blue, Brown และ Red switch ใครชอบสัมผัสการกดแบบไหนก็เลือกใช้สอยกันตามสะดวก ทั้งนี้โทนสีคีย์แคปจะเปลี่ยนไปตามสวิตช์ที่ใช้ หากเลือก Red Switch คีย์แคปจะเน้นโทนขาวตัดด้วยน้ำเงินเข้ม แต่หากใช้ Blue และ Brown switch คีย์แคปจะเน้นสีน้ำเงินเป็นหลักตัดด้วยสีขาว โดยที่ทั้ง 2 รูปแบบจะมาพร้อมปุ่ม esc และ Space bar สีส้ม คีย์บอร์ดรองรับ Hot-swap โดนใจสายคัสตอม และมีไฟ RGB สาแก่ใจเกมเมอร์สายแมลงเม่าแน่นอน

ข้อดี

  • รองรับ Hot-swap
  • มีไฟ RGB 16.8 ล้านสี ปรับได้ 20 โหมด
  • คีย์แคปรองรับภาษาไทย
  • คีย์แคปไฟลอดได้
  • 100% Anti-ghosting & N-Key Rollover
  • มีโปรแกรมรองรับการปรับแต่ง

ข้อสังเกต

  • ใช้งานแบบเสียบสายได้เท่านั้น
คีย์บอร์ดหลักร้อย

สเปค

  • Size: Mechanical Keyboard ขนาด 75%
  • Connection: USB Type-C แบบถอดได้
  • จำนวนปุ่ม: 61 ปุ่ม
  • Keycaps: PBT+ABS
  • Switch: Blue, Brown และ Red switch
  • รองรับ Hot-swap 3 Pin
  • Lighting: RGB ปรับได้ 20 โหมด
  • Anti-ghosting: N-Key Rollover
  • OS: Windows / Android

ราคา 799 บาท (รับประกัน 1 ปี)


อันดับที่ 4 Meta68

Meta68 คือ Mechanical Keyboard แบรนด์จีนขนาด 65% มาพร้อม 68 ปุ่ม ชูจุดเด่นด้านดีไซน์ที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย (มาก) ในราคาประหยัด เป็นคีย์บอร์ดหลักร้อยอีกตัวที่ได้รับความนิยม มีสวิตช์ให้เลือกสามแบบคือ Blue, Brown และ Red switch รองรับไฟ RGB แบบแสงทะลุคีย์แคป รวมทั้งยังมีไฟด้านข้างคีย์บอร์ดใส่มาให้เพิ่มความวิบวับอีกด้วย รองรับ Hot-swap แถมยังมี Knob แถมมาให้ใช้หมุนปรับเสียงได้ และยังมีของแถมเป็นที่ดึงคีย์แคปและสวิตช์ รวมถึงให้สวิตช์สำรองมา 2 ถึงสองอันอีกด้วย คุ้มค่าสุด ๆ

ข้อดี

  • มีดีไซน์ให้เลือกมากถึง 16 แบบ
  • รองรับ Hot-swap
  • มีไฟ RGB ทั้ง Backlit และด้านข้าง
  • คีย์แคปไฟลอดได้
  • มี Knob สำหรับปรับเสียง
  • มีของแถมเยอะ
  • ราคาถูก

ข้อสังเกต

  • ปรับสีโหมดไฟเองไม่ได้
  • ใช้งานแบบเสียบสายได้เท่านั้น
  • คีย์แคปไม่รองรับภาษาไทย
  • ต้องสั่งของจากประเทศจีน รอสินค้านาน
  • งานประกอบตามราคา อาจจะไม่ดีมาก

สเปค

  • Size: Mechanical Keyboard ขนาด 65%
  • Connection: USB Type-C to Type-A แบบถอดได้
  • จำนวนปุ่ม: 68 ปุ่ม
  • Keycaps: ABS
  • Switch: Blue, Brown และ Red switch
  • รองรับ Hot-swap 3 Pin
  • Lighting: ไฟ RGB ทั้ง Backlit และด้านข้าง
  • Anti-ghosting: 26 ปุ่ม (ปุ่มที่ใช้เล่นเกมเป็นหลัก)
  • รองรับ Knob (หมุนเพื่อปรับระดับเสียง กดเพื่อปิดเสียง)
  • OS: Windows / Mac / iOS / Android
  • Dimension: 32×10.7×3.5 เซนติเมตร
  • Weight: 670 กรัม

ราคา 504 บาท (รับประกัน 6 เดือน)


อันดับที่ 3 Dareu EK868 Wireless

Dareu EK868 Wireless เป็น Mechanical Keyboard ไร้สายหน้าตาเรียบหรูดูมินิมอลในขนาด 65% มี 68 ปุ่มกด พร้อมดีไซน์แบบ Low Profile มีสวิตช์ให้เลือกสามแบบคือ Blue, Brown และ Red switch คีย์แคปรองรับภาษาไทย ไม่มีไฟ RGB แต่ใส่ Backlit แสงสีฟ้าขาว (Ice Blue) มาให้แทน และไม่รองรับ Hot-swap

ข้อดี

  • รองรับการใช้งานไร้สาย
  • จับคู่การใช้งานได้สูงสุด 3 อุปกรณ์
  • คีย์แคปรองรับภาษาไทย

ข้อสังเกต

  • ไม่มีไฟ RGB แต่ให้ไฟแสงสีฟ้าขาวมาแทน
  • ไม่รองรับ Hot-swap

สเปค

  • Size: Mechanical Keyboard ขนาด 65%
  • Connection: USB Type-C และ Bluetooth 5.1
  • จำนวนปุ่ม: 68 ปุ่ม
  • Keycaps: ABS
  • วัสดุคีย์บอร์ด: ABS
  • Switch: Blue, Brown และ Red switch
  • ไม่รองรับ Hot-swap
  • Lighting: Ice Blue Backlit
  • Anti-ghosting: N-key rollover
  • OS: Windows / Mac
  • Battery: 2000mAh
  • Dimension: 31×11.1×3.27 เซนติเมตร
  • Weight: 435 กรัม (ไม่รวมสายเชื่อมต่อ)

ราคา 639 บาท (รับประกัน 1 ปี)


อันดับที่ 2 Zifriend ZA68

Zifriend ZA68 เป็น Mechanical Keyboard ที่โฆษณาว่ามีขนาด 60% แต่ดูจากปุ่มที่มีต้องเรียกว่า 65% น่าจะถูกต้องกว่า มาพร้อมปุ่มกด 68 ปุ่ม + 1 Knob ให้สวิตช์ติดคีย์บอร์ดมาแบบ Red switch รองรับ Hot-swap สามารถถอดเปลี่ยนได้ ไฟ RGB 16.8 ล้านสี ปรับได้ 20 โหมด คีย์แคปไฟลอดได้ (เฉพาะที่มีตัวอักษรสีขาวเท่านั้น) อีกทั้งยังมีไฟสว่างสดใสข้างเคสคีย์บอร์ดอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีของแถมเป็นสวิตช์สำรอง 2 อันกับที่ดึงสวิตช์อีก 1 อัน

ข้อดี

  • รองรับ Hot-swap
  • มีไฟ RGB ทั้ง Backlit และด้านข้าง
  • มี Knob สำหรับปรับเสียงและไฟ RGB

ข้อสังเกต

  • ใช้งานแบบเสียบสายได้เท่านั้น (รุ่นไร้สายจะราคาแพงกว่า)
  • คีย์แคปไม่รองรับภาษาไทย
  • ต้องสั่งของจากประเทศจีน รอสินค้านาน

สเปค

  • Size: Mechanical Keyboard ขนาด 65%
  • Connection: USB Type-C แบบถอดได้
  • จำนวนปุ่ม: 68 ปุ่ม
  • มี Knob สำหรับปรับเสียง+ปรับไฟ RGB
  • Switch:Red switch
  • รองรับ Hot-swap 5 Pin
  • Lighting: ไฟ RGB ทั้ง Backlit และด้านข้าง
  • Anti-ghosting: N-key rollover
  • OS: Windows / Mac / iOS / Android
  • Dimension: 32.7×11.4×4.3 เซนติเมตร

ราคา 799 บาท (รับประกัน 6 เดือน)


อันดับที่ 1 Ajazz AK871

Ajazz AK871 เป็นคีย์บอร์ดหลักร้อยไร้สายขนาด 80% มี 87 ปุ่ม มีสวิตช์ให้เลือก 2 แบบคือ Blue และ Red switch รองรับการ Hot-swap ไม่มีไฟ RGB ใช้พลังงานผ่านถ่าน AAA สองก้อน เป็นคีย์บอร์ดไร้สายแบบไร้สายที่แท้ทรูเพราะไม่สามารถชาร์จและใช้งานผ่านสาย USB ได้เลย แต่แค่ถ่านก็อยู่ได้นานสองเดือนเชียวนะ นอกจากนี้ในกล่องยังมีของแถมแบบจุก ๆ เป็นที่ดึงคีย์แคปและสวิตช์ กับสวิตช์สำรองพร้อมคีย์แคปเอามาให้สลับสีสวย ๆ ตามใจอยากได้อีกด้วย

ข้อดี

  • คีย์แคปรองรับภาษาไทย
  • จับคู่การใช้งานได้สูงสุด 2 อุปกรณ์
  • รองรับการใช้งานไร้สาย
  • ถอด Top case ด้านบนออกได้
  • ของแถมเยอะ

ข้อสังเกต

  • ไม่มีไฟ RGB
  • ไม่รองรับการชาร์จและใช้งานผ่านสาย

สเปค

  • Size: Mechanical Keyboard ขนาด 80%
  • Connection: Wireless 2.4GHz / Bluetooth 5.0
  • จำนวนปุ่ม: 87 ปุ่ม
  • Keycaps: ABS
  • วัสดุคีย์บอร์ด: ABS
  • Switch: Blue และ Red switch
  • รองรับ Hot-swap 3 Pin
  • Lighting: ไม่มี
  • Anti-ghosting: 19 ปุ่ม
  • OS: Windows / Mac
  • Battery: ถ่าน AAA สองก้อน (ใช้งานได้ 2 เดือน)
  • Dimension: 36.2×15.3×4.1 เซนติเมตร
  • Weight: 970 กรัม

ราคา 749 บาท (รับประกัน 6 เดือน)

ขอบคุณข้อมูลและภาพสวย ๆ จาก: machenike.com, dareu.com, zifriend.net

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img